คราบหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะตามฟัน ก็เป็นอีกหนึ่งตัวปัญหาที่พบได้ทั่วไป และเจ้าคราบตัวปัญหาที่ว่านี้ก็ร้ายกาจไม่เบา เพราะหากปล่อยสะสมไว้นานเข้า อาจนำไปสู่โรคเหงือกอักเสบ หรือโรคปริทันต์ ที่จะต้องเร่งดูแลรักษาเพื่อให้สุขภาพช่องปากและฟันกลับมาดีดังเดิมครับ
สำหรับการดูแลสุขภาพฟันที่มีคราบหินปูนและคราบจุลินทรีย์ต่าง ๆ สะสม หากเป็นคราบที่เกาะติดบริเวณเหนือเหงือก หรือใต้เหงือกลงไปเพียงเล็กน้อย เราสามารถดูแลรักษาได้ด้วยวิธีขูดหินปูน ซึ่งเป็นวิธีที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยและได้ยินอยู่บ่อย ๆ แต่หากเป็นคราบหินปูน หรือคราบจุลินทรีย์ที่เกาะลึกลงไปใต้เหงือก ต้องทำการรักษาด้วยวิธีที่เรียกว่า “การเกลารากฟัน” นั่นเองครับ
การเกลารากฟัน (root planing) เป็นการทำความสะอาดและทำให้ผิวรากฟันเรียบ เพื่อกำจัดคราบหินปูนและคราบจุลินทรีย์ที่เกาะลึกลงไปในผิวรากฟัน เมื่อผิวรากฟันเรียบแข็งก็จะทำให้ยากต่อการเกาะสะสมของคราบหินปูนและจุลินทรีย์ จึงเป็นการช่วยให้เหงือกกลับมายึดตัวฟันได้ดียิ่งขึ้น
วิธีการนี้จะใช้รักษาในผู้ป่วยที่เป็นโรคปริทันต์อักเสบ ไม่ใช่เฉพาะที่เหงือกเท่านั้นแต่อาจลุกลามไปถึงกระดูกเบ้าฟัน โดยสังเกตได้จากอาการเหล่านี้
อาการบ่งชี้ว่าเป็นโรคปริทันต์ 1. มีเลือดออกตามไรฟันขณะแปรงฟัน 2. เหงือกบวมแดง 3. มีกลิ่นปาก 4. เหงือกร่น 5. อาจมีหนองออกตามร่องเหงือก 6. ฟันโยก
ส่วนใหญ่แล้วการเกลารากฟันมักทำร่วมกับการขูดหินปูน โดยจะใช้เครื่องขูดหินปูนกำจัดหินปูนเหนือเหงือกก่อน และใช้เครื่องมือปริทันต์เกลารากฟันต่อในบริเวณที่ลึกมากกว่า 3 มิลลิเมตรขึ้นไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเจ็บปวดจึงจำเป็นต้องมีการฉีดยาชา เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถกำจัดหินปูนรวมทั้งเนื้อเยื่ออักเสบที่อยู่ลึก ๆ ได้หมด โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้คนไข้เจ็บ
การรักษาโดยการเกลารากฟันส่วนใหญ่จะใช้เวลานาน เพราะเป็นงานละเอียดและยากที่จะกำจัดหินปูนที่อยู่ลึกให้ครบทุกด้านได้ในครั้งเดียว จึงจำเป็นต้องนัดมาเกลารากฟันหลายครั้ง ทั้งนี้หมอจะสรุปการรักษาด้วยวิธีการเกลารากฟันได้ดังนี้
· การเกลารากฟัน คือ การทำความสะอาดให้ผิวรากฟันเรียบ เพื่อให้เนื้อเยื่อเหงือกสามารถกลับมายึดแน่นติดกับผิวฟันได้เหมือนเดิม โดยอาจทำร่วมกับการขูดหินปูน
· หลังจากรักษาด้วยการเกลารากฟันเสร็จแล้วประมาณ 4-6 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะเรียกกลับมาดูอาการอีกครั้ง ถ้ายังมีร่องลึกปริทันต์เหลืออยู่หรือมีการละลายของกระดูกไปมาก อาจจำเป็นต้องใช้วิธีผ่าตัดเหงือกร่วมด้วย
· เมื่อสุขภาพช่องปากและฟันกลับมาเป็นปกติแล้ว จะต้องทำความสะอาดฟันและซอกฟันอย่างถูกวิธีสม่ำเสมอด้วยตนเอง อย่างน้อยจะต้องใช้แปรงและไหมขัดฟันทุกครั้ง เพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ให้หมดในทุกวัน
· พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจดูว่ามีคราบจุลินทรีย์และหินปูนหลงเหลือจากการทำความสะอาดเองหรือไม่ หากสะอาดไม่เพียงพอจะได้รับการรักษาในระยะแรก
อย่างไรก็ตามหมอคิดว่า การเกลารากฟันนั้นเป็นเพียงการรักษาที่ปลายเหตุ หากไม่อยากให้เกิดปัญหาในช่องปาก ควรหมั่นดูแลทำความสะอาดสุขภาพช่องปากเป็นประจำ และพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้คุณมีสุขภาพฟันแข็งแรง ที่มาพร้อมกับความมั่นใจเต็มร้อยและรอยยิ้มสดใสในทุก ๆ วันครับ
Comments